top of page
สนามซันเซ็ท

The 99 Cottage

บ้านทุ่งบางปลาม้า

หญิงสาวทำงานในทุ่งที่พระอาทิตย์ตก
ABOUT

เกี่ยวกับ

ย้ายจากอังกฤษกลับมาเมืองไทย พร้อมมรดกที่ดินผืนนี้จากคุณป้าและลุง

และเงินทุนในการสร้างบ้านหลังนี้จากคุณแม่ เราเริ่มออกแบบบ้านหลังนี้ด้วย

                   โจทย์ที่ว่าต้องใช้ของเก่าที่มีอยู่

เราเริ่มด้วยการรื้อบ้านคุณป้าอีกท่านนึงที่ที่ผืนนี้ และยังมีบ้านไม้เก่าที่คุณแม่ซื้อมาที่ขนมาจาก กทม. ส่วนตัวเรียนด้านออกแบบเสื้อผ้ามาตั้งแต่อายุ 13

แต่เป็นคนชอบอ่านหนังสือและหาเรียนทุกอย่างที่อยากรู้ด้วยตัวเอง

บ้านหลังนี่สร้างจากความชอบส่วนตัว จึงมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมทางอังกฤษด้วย

คือมีห้องใต้หลังคา และแบบแปลนแบบเปิดโล่ง ไม่มีผนังกั้นห้องในตัวบ้าน

ROOMS
Suphan 24465_๒๒๐๙๒๙_275_edited.jpg

ในส่วนพื้นที่ในบ้านของเรา

สัมผัสบรรยากาศแบบธรรมชาติกับชีวิตบ้านนา  กับความเป็นส่วนตัวสุดๆ กับบ้านกลางทุ่งนาบนพื้นที่ส่วนตัว 10 ไร่ ห่างจาก กทม. เพียง 1 ชม. 

OUR SERVICES

บริการของเรา

ฟรีไวไฟ

 

คุณจะสามารถเชื่อมต่อกับ Pocket WIFI ของเราได้

วิวทุ่งนา

 

มีความเป็นส่วนตัวบนพื้นที่10 ไร่

ในบริเวณนี้ มีบ้านที่แบ่งให้เช่าเพียงสองหลังเท่านั้น

มีพื้นที่เตรียมอาหาร

เรามีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารเช้า

เครื่องชงกาแฟ เตาไฟฟ้า กาต้มน้ำ

และจาน ชาม ไว้ให้ลูกค้า

หรือจะปิ้งย่างตรงระเบียง

สำหรับมื้อค่ำ

นอกจากนี้ในพื้นที่ของเรามีบริการส่งอาหารที่สั่งจากแพลตฟอร์มออนไลน์มาส่งถึงที่ สะดวก สบายใกล้ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ

GALLERY

แกลเลอรี่

SEE & DO

เที่ยวสุพรรณวันเดย์

ประเทศสนาม

วัดป่าเลไลยก์ วรวิหาร

วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่ที่ถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี อยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรีชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า วัดป่า ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโตปางป่าเลไลยก์เดิมหลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปปางประทานปฐมเทศนา เช่นเดียวกับพระพุทธรูปศิลาขาว หรือหลวงพ่อประทานพร วัดพระปฐมเจดีย์ ต่อมาได้มีการบูรณะและทำเป็นปางป่าเลไลยก์ ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

วัดป่าเลไลยก์วรวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ระดับวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่หน้าบันของวิหารวัดป่าเลไลยก์มีเครื่องหมายพระมหามกุฎอยู่ระหว่างฉัตรคู่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จธุดงค์มาพบสมัยยังผนวชอยู่ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วจึงทรงมาปฏิสังขรณ์

นอกจากนั้นบริเวณด้านหลังอุโบสถที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต ยังมี ศาลาเล็ก ๆ ที่ประดิษฐานหลวงพ่อดำ ที่มีความศักสิทธิ์และเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในพื้นที่อีกด้วย

ข้มูลจาก วิกิพีเดีย

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณ

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี ซึ่งแต่เดิมเรียกกันว่า ศาลเทพารักษ์หลักเมือง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดสุพรรณบุรีและ ประชาชนทั่วๆไปมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้ว  ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี ตั้งอยู่ในเขตเมืองโบราณสุพรรณบุรี ถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี 

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง    เป็นพุทธปฎิมากรรมสลักบนแผ่นหินแบบนูนต่ำ (Relief) ในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ซึ่งเป็นศาสนาที่ชาวจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ทิเบต ญวน เขมร นับถือ เป็นศิลปะแบบขอมเป็นรูปพระวิษณุกรรมสวมหมวกแขก ในศิลปะไพรกเม็ง อายุประมาณ 1300-1400 ปีมาแล้ว มีพระนามว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือ พระนารายณ์สี่กร มีหน้าที่ช่วยเหลือมนุษย์ และเหล่าสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ ประสพแต่ความสุขความเจริญ เช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิม ตามคำบอกเล่าต่อๆกันมา เมื่อประมาณ 150 ปีมาแล้ว มีผู้พบพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จมดินอยู่ตรงริมศาลเจ้าพ่อ ชาวบ้านจึงช่วยกันอัญเชิญขึ้นข้างบน พร้อมกับสร้างศาลใหม่ให้เป็นที่ประทับ มีคนจีนชื่อ เฮียกงเป็นผู้ดูแลรักษาเรื่อยมา     

เมื่อครั้งโบราณมีคำกล่าวว่า " ห้ามเจ้าไปเมืองสุพรรณจะทำให้มีอันเป็นไป "  เมื่อ พ.ศ. 2435 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจราชการเมืองสุพรรณ ได้ทรงสักการะเจ้าพ่อหลักเมือง ได้ประทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างศาลเพิ่มขึ้น พร้อมวางแผนให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเมืองสุพรรณ พระพุทธเจ้าหลวงทรงพระดำรัสว่า "เข้าทีดีหนักหนา แต่เขาไม่ให้เจ้าไปเมืองสุพรรณ ว่าถ้าขืนไปจะเป็นบ้าไม่ใช่หรือ" สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงกราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าไปมาแล้วไม่เห็นเป็นอะไร ยังรับราชการมาจนบัดนี้ พระพุทธเจ้าหลวงทรงตรัสสั้นๆว่า "ไปซิ" จากนั้นพระองค์จึงเสด็จมาเมืองสุพรรณ ในคราวเสด็จประพาสต้นเมื่อ พ.ศ. 2447 และทรงกระทำพลีกรรมเจ้าพ่อหลักเมือง และพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ก่อสร้างเขื่อนรอบเนินศาล ทำชานไว้สำหรับคนที่บูชา สร้างกำแพงแก้ว ต่อตัวศาลเพิ่มเติมออกมา ข้างหน้าเป็นแบบเก๋งจีน  โดยทั่วไปศาลหลักเมืองนั้นจะทำด้วยไม้ บนยอดจะเป็นหัวเม็ด แต่หลักเมืองของสุพรรณนี้พิเศษกว่าหลักเมืองทั่วไปคือ จะเป็นหินและมีพุทธปฎิมากรอยู่ด้วย

ข้อมูลจาก https://ww1.suphanburi.go.th/

วัดน้อยหลวงพ่อเนียม

 สมัยเมื่อราวๆ ร้อยปีที่ผ่านมา วัดน้อยมีความเจริญสูงสุด เพราะมีท่านเจ้าอาวาสคือ พระมหาเกจิ-เถราจารย์ ผู้เชี่ยวชาญทางคันถธุระ วิปัสสนาธุระ และวิทยาคมชื่อ หลวงพ่อเนียม หรือ หลวงพ่อเนียม ธัมมโชติ หลวงปู่เกิดเมื่อปี พ.ศ.2372 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ท่านเป็นพระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดสุพรรณบุรี
หลวงพ่อเป็นที่นับถือโดยทั่วไปในด้านปาฏิหาริย์ พระพุทธคุณของท่านมากมาย ทั้งในด้านมหาอุต คงกระพัน และแคล้วคลาด ซึ่งแม้แต่สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสเทโว) วัดสุทัศน์เทพวราราม หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อทับ วัดทอง ยังมีความเคารพนับถือหลวงพ่อเนียมเช่นเดียวกัน
     ในสมัยที่หลวงพ่อยังเป็นเจ้าอาวาสวัดอยู่ ค่อนข้างจะมีผู้ศรัทธาที่มาให้ท่านช่วยรักษาความเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยยาสมุนไพร น้ำมนต์ และอาคม ที่เห็นผลทันตาก็จะเป็นเรื่องหมาบ้า และงูพิษกัด น้ำมนต์ของท่านเล่าลือว่าศักดิ์สิทธิ์มากค่ะ เป็นสมัยที่วัดน้อยมีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุด
มีความเชื่อกันว่า วิชาธรรมกาย สายหลวงพ่อสด และ วิชามโนมยิทธิ สายหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ก็มีต้นกำเนิดมาจากหลวงพ่อเนียม มีส่วนคล้ายคลึงกันในเรื่องของญาณสมาธิ
 
     หลวงพ่อมรณภาพเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2452 ตรงกับปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ถึงแม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปีหลังจากที่ท่านมรณภาพไปแล้ว ชาวเรือที่ล่องผ่านหน้าวัดยังคงวักน้ำหน้าวัดมาลูบหัวบูชาแทนน้ำมนต์ ด้วยความเชื่อที่ว่า พุทธานุภาพของหลวงพ่อยังคงอยู่เช่นเดิม
ข้อมูลจาก https://travel.trueid.net/detail/jYG4JrJdGBb

หลวงพ่อ  อู่ทอง

(พระพุทธปุษยาคีรี ศรีสุวรรณภูมิ)

 

หลวงพ่ออู่ทอง วัดเขาทำเทียม พระพุทธรูปหินแกะสลัก ใหญ่ที่สุดในโลก

โครงการพระพุทธรูปหินแกะสลักภูผาใหญ่ที่สุดในโลก เกิดจากพระเทพสุวรรณโมลี (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี มีดำริที่จะสถาปนาพระ พุทธรูปแกะสลักภูผาใหญ่ที่สุดในโลก ณ ภูผามังกรบิน(วงกลม) เขตโบราณสถานเมืองอู่ทอง สุพรรณบุรี ด้วยเหตุผลสอดคล้องทั้งในด้านพื้นที่ ที่กรมศิลปากรยืนยัน “..เป็นจุดเริ่มต้นของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ...” และหลักฐานทางโบราณคดีที่มีข้อพิสูจน์ว่าพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดีย ส่งพระโสณะ และพระอุตตรเถระ เข้ามาในต้นพุทธศตวรรษที่๓ ดังหลักฐานจารึกศิลา “ปุษยคีรี” และ “ธรรมจักรบนยอดเสาอโศก”

ข้อมูลจาก https://www.travel2guide.com

บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ

บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,700 ไร่ อยู่ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรีประมาณ 64 กิโลเมตร บึงฉวากมีพื้นที่ติดต่อกับอำเภอหันคา จังหวัดชัยนาทและอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนที่อยู่ในเขตอำเภอเดิมบางนางบวชมีพื้นที่ประมาณ 1,700 ไร่ 
โซนสวนสัตว์
ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก สร้างขึ้นเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50 ประกอบด้วย อาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการ เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าชนิดต่างๆ การดูนก สภาพทางภูมิศาสตร์ ประวัติความเป็นมาของบึงฉวาก มีตู้จำลองระบบนิเวศ ห้องฉายสไลด์วีดิทัศน์ ด้านนอกอาคารมี กรงเลี้ยงนก ขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ สูง 25 เมตร ภายในกรงได้รับการตกแต่งให้ดูคล้าย สภาพธรรมชาติ ประกอบด้วยนกกว่า 45 ชนิด ที่น่าสนใจ ได้แก่ นกกาบบัว นกเป็ดแดง ไก่ฟ้าพญาลอ และ ไก่ฟ้าสีทอง ซึ่งกล่าวกันว่า เป็นไก่ฟ้าที่มีความสวยงามที่สุดในโลก มีการจำลองน้ำตกขนาดเล็กเอาไว้ภายในกรง ผู้เข้าชมจะเดินตามทางเดินที่จัดไว้ และได้สัมผัสใกล้ชิดกับนกต่าง ๆ ที่ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ในสภาพแบบธรรมชาติ เดินผ่านหน้าเราไป หากเดินถัดไปจากกรงนก จะเป็นกรงเสือขนาดใหญ่ กรงเสือขนาดเล็ก มีเสือชนิดต่าง ๆ ให้ชมและ ที่พิเศษคือ มีลูกเสือดูดนมหมู และสัตว์สวยงามอีกหลายชนิด

ข้อมูลจาก http://www.suphan.biz/bungchawak.htm

เขื่อนกระเสียว

 

เขื่อนกระเสียว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2523 เป็นเขื่อนดินกักเก็บน้ำสร้างกั้นลำห้วยกระเสียว ยาว 4,250 เมตร สูง 32.5 เมตร พื้นที่กักเก็บน้ำ 28,750 ไร่ ปริมาณ น้ำที่สามารถกักเก็บน้ำได้สูงสุด 240 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นเขื่อนดินที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย และเป็นแหล่ง เพราะพันธุ์ปลาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทิวทัศน์สวยงาม กลางวันอากาศค่อนข้างร้อน ช่วงเย็นอากาศดีมาก โดยเฉพาะจุดตั้งแค้มป์ริมเขื่อนเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก

ที่สวยงาม 

อำเภอด่านช้าง เปรียบได้กับประตูสู่การเดินทางแนวผจญภัยของเมืองสุพรรณดินแดนที่เต็มไปด้วย ธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ เขื่อนกระเสียวก็เหมือนโอเอซิส แหล่งอาหารแหล่งเสบียง ที่อุดมสมบูรณ์ในเขื่อนเต็มไปด้ายปลา นานาชนิด ที่เพาะเลี้ยงและอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ ทั้งปลานิล ปลาม้า ปลาบึก และกุ้งจากเขื่อนกระเสียว ที่หลายคนออกปากว่ารสชาดดี ช่วงปลายฝน ราวเดือนตุลาก็จะมีพืชพันธุ์จากป่าเข้ามาขายเป็นจำนวนมาก มีทั้งเห็ดโคน หน่อไม้ ผักหวานป่า น้ำผึ้ง.. อำเภอด่านช้าง จึงเป็นที่ที่เตรียมพร้อม เพื่อการเดินทางสู่ดินแดนแห่งป่าเขา ดินแดนแห่งสายหมอก และชนภูเขา อย่าง

 อุทยานแห่งชาติพุเตย ยอดเขาเทวดา แห่งหมู่บ้านกระเหรี่ยง ตะเพินคี่ บ้านน้ำเอ่อ และ ศร9. ไกรเกรียง

ข้อมูลจาก http://www.suphan.biz/krasaew.htm

22264_๒๒๐๓๑๒_40.jpg

รีวิวจากลูกค้า

“นี่เป็นการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับฉันและครอบครัวเล็กๆ ที่มีลูกน้อยและสุนัข 2 ตัว

ทุ่งนาที่ร่มรื่น เต็มไปด้วยฝูงนก ตามธรรมชาติ

เป็นสถานที่เงียบสงบสำหรับการพักผ่อน

อย่างแท้จริง

 การได้เห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกจากระเบียงบ้าน

ช่างเป็นอะไรที่น่าจดจำขึ้นไปอีก

แนะนำเป็นอย่างยิ่ง;)

ลูกค้าจาก AirBnB

22264_๒๒๐๓๑๒_40.jpg

รีวิวจากลูกค้า

“นี่เป็นการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับฉันและครอบครัวเล็กๆ ที่มีลูกน้อยและสุนัข 2 ตัว

ทุ่งนาที่ร่มรื่น เต็มไปด้วยฝูงนก ตามธรรมชาติ

เป็นสถานที่เงียบสงบสำหรับการพักผ่อน

อย่างแท้จริง

 การได้เห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกจากระเบียงบ้าน

ช่างเป็นอะไรที่น่าจดจำขึ้นไปอีก

แนะนำเป็นอย่างยิ่ง;)

ลูกค้าจาก AirBnB

Contact
bottom of page